วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Guestbook

มีข้อความใดๆๆ ฝากถึงฉันได้ทุกเวลา

pornpan


ชื่อนางสาวพรพรรณ ภาคมฤค รหัส 49010820614 เอก AT. คณะสัตวแพทยศาสตร์และสัตวศาสตร์
สร้าง Comment ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง..คลิ๊กที่นี่

วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

แผนที่บ้านฉัน


ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น

วิธีการป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 H1N1


วิธีป้องกันหวัด ไข้หวัด และไข้หวัดใหญ่

ผู้ใหญ่มีโอกาสเป็นไข้หวัดเฉลี่ย 2 ครั้ง/ปี ปัญหาของโรคกลุ่มหวัด ไข้หวัด และไข้หวัดใหญ่... ไม่ว่าจะชนิดใด จะทำให้ภูมิต้านทานโรคต่ำลง และเสี่ยงโรคแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม โพรงรอบจมูก(ไซนัส)อักเสบ ฯลฯ
ประเทศใดที่คนในชาติแข็งแรง รู้จักป้องกันโรค จะป่วยน้อยลง มีผลผลิตดีขึ้น แข่งขันกับนานาชาติได้มากขึ้น ประเทศทั่วโลกจึงแข่งขันกัน เพื่อพัฒนาไปสู่ความเป็น 'healthy nation' หรือ "ชาติที่มีสุขภาพดี
นิตยสารรีดเดอร์ส ไดเจสท์ สรรสาระ ( Reader's Digest ) ฉบับกรกฎาคม 2552 ตีพิมพ์เรื่อง "23 วิธีห่างไกลไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่" ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ
(1). ล้างมือวันละ 5 ครั้ง
• ศูนย์วิจัยสุขภาพ กองทัพสหรัฐฯ ทำการศึกษากลุ่มตัวอย่าง 40,000 คนพบว่า คนเหล่านี้ป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจลดลง 45%
• ประเด็นสำคัญ คือ ล้างมือด้วยสบู่ให้ถูกวิธี ล้างก๊อก และไม่สัมผัสลูกบิดประตูหลังล้างมือ โดยการออกแบบห้องน้ำเป็นแบบ "ซิกแซก" บังตาแทนการใช้ประตู (วิธีนี้ช่วยลดปัญหาการเสพยาเสพติดในห้องน้ำได้ด้วย)
(2). ล้างมือหลังออกจากห้องน้ำ
• คนส่วนใหญ่ไม่ได้ล้างมือหลังออกจากห้องน้ำ...
• ห้องน้ำส่วนใหญ่ไม่มีสบู่ให้ใช้ วิธีที่ดีคือ ซื้อสบู่ก้อนเล็กแบบโรงแรม มีขายเป็นกล่องๆ ละ 100 ก้อนในห้างสรรพสินค้า พกติดตัวไปวันละ 2-3 ก้อน (ราคาก้อนละ 1-2 บาทเศษ), พกสบู่เหลวติดตัวเสมอ
• ควรใช้กระดาษทิชชูจับลูกบิดประตูแล้วทิ้งไปแทนการใช้มือจับ เพราะจะทำให้ได้รับเชื้อโรคใหม่ผ่านลูกบิดประตู
(3). ล้างมือ 2 รอบ
• การล้างมือ 2 รอบสะอาดกว่ารอบเดียว ทว่า... อย่าลืมล้างก๊อก และปิดน้ำระหว่างการล้างมือ ซึ่งควรใช้เวลารวมประมาณเท่าเพลง "ช้างๆๆ" ของไทย
(4). ฉีดวัคซีน
• กลุ่มเสี่ยงป่วยหนักเมื่อมีไข้หวัดใหญ่ระบาดได้แก่ คนในโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล คนไข้โรคเรื้อรัง เช่น ถุงลมโป่งพอง หอบหืด เบาหวาน ไตวาย โรคหัวใจ คนท้อง อายุเกิน 65 ปี ฯลฯ ควรปรึกษาหมอใกล้บ้านเรื่องวัคซีน
• วัคซีนไข้หวัดใหญ่ทั่วไปป้องกันไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก, หวัด 2009, หรือไข้หวัดหมู (โรคเดียวกัน แต่มีหลายชื่อ) ไม่ได้, ช่วงเดือนกรกฎาคม 2552 ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาวัคซีนใหม่อยู่
(5). พกเจลแอลกอฮอล์
• โรคกลุ่มนี้ติดต่อทางการไอ-จาม (ในระยะประมาณ 2+ เมตร ในที่คนแออัด อากาศระบายไม่ดี หรือห้องแอร์ทั้งห้อง) ถ้าอยู่นอกห้องแอร์จะปลอดภัยมากกว่า
• ฝรั่งซึ่งชอบทักทายกันด้วยการกอดหรือจูบกันจะเสี่ยงติดโรคได้ง่าย ไหว้กัน-ทักทาย-ยิ้มให้กันแบบคนไทยดีแล้ว
• การพกเจลแอลกอฮอล์เตรียมไว้ถูมือก่อนกินอาหาร ก่อนดื่มน้ำ หลังเข้าห้องน้ำ หลังสัมผัสของที่คนใช้กันมากๆ เช่น รถประจำทาง รถไฟฟ้า รถไฟ ฯลฯ ช่วยได้มาก
• การศึกษาในโรงเรียนประถมฯ ที่มีการใช้เจลแอลกอฮอล์พบว่า การทำความสะอาดมือแบบนี้ลดวันลาป่วยได้เกือบ 20%
(6). ดูแลแปรงสีฟัน
• อาจารย์หมอฟันแนะนำให้เปลี่ยนแปรงสีฟันเมื่อขนแปรงบานออก หรือใช้ครบ 2-3 เดือน
• หลังเป็นหวัด ไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่... ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันใหม่ หรือทำความสะอาดแปรงด้วยการขัดถูด้วยฟองน้ำล้างจาน สะบัดให้แห้งหมาดๆ นำออกไปตากแดด หรือใส่ในน้ำร้อนจัด สะบัดให้แห้งหมาดๆ แล้วนำออกไปผึ่งลม
• ถึงไม่ป่วยอะไร... การนำแปรงสีฟันออกไปตากแดด ผึ่งลม หรือใส่ในถ้วยกาแฟ เติมน้ำ อุ่นให้ร้อนจัดในไมโครเวฟสัปดาห์ละ 1 ครั้งก็ช่วยให้แปรงสะอาดขึ้นได้มาก
(7). เตรียมกระดาษทิชชู
• เตรียมกระดาษทิชชูไว้ทุกห้องทั้งที่บ้านและที่ทำงาน เพื่อให้ทุกคนใช้ปิดปากเวลาไอหรือจาม
(8). ไม่ติเตียนตัวเอง
• คนที่ชอบติเตียนตัวเอง ไม่ให้อภัย ไม่ยกโทษให้ตัวเองมักจะมีความเครียดสูง ภูมิต้านทานต่ำลง ติดโรคกลุ่มหวัดได้ง่าย
• วิธีที่ดีคือ ไม่ว่าจะเครียดอะไร... ให้วางมือซ้ายบนหน้าอก วางมือขวาบนหน้าท้อง หายใจเข้าช้าๆ-ให้ท้องป่องออกเล็กน้อย คิดในใจว่า "ขอให้เรามีความสุข", หายใจออกช้าๆ-ให้ท้องแฟบลงเล็กน้อย คิดในใจว่า "ขอให้เราพ้นทุกข์" 5-10 นาที/ครั้งบ่อยๆ อย่างน้อยวันละ 2 รอบ
• เวลาคิดให้ตัวเรามีสุข... ขอให้เป็นความสุขที่ได้มาโดยชอบธรรม เช่น ไม่ไปคดโกง หรือเอาเปรียบใคร ฯลฯ
• เวลาคิดให้ตัวเราพ้นทุกข์... ขอให้พ้นความทุกข์อะไรก็ได้ที่เรากำลังทุกข์อยู่มากที่สุด เช่น พบคนใจร้าย ฯลฯ แล้วอย่าลืมให้อภัยตัวเอง และเริ่มต้นชีวิตใหม่ทุกวัน
• วิธีลดความรู้สึกผิดอย่างหนึ่ง คือ ฝึกตัวให้เป็นคนกล้ากล่าวคำ "ขอโทษ" บ่อยๆ อย่างน้อยวันละครั้ง แล้วค่อยๆ เพิ่มเป็น 3 ครั้งหลังอาหาร
• คนที่ขอโทษเป็นมีแนวโน้มจะเป็นคนกล้าหาญ และเคารพตัวเองมากกว่าคนที่ขอโทษไม่เป็น การฝึกขอโทษจะสร้างมิตรภาพ และลดศัตรูให้น้อยลงได้
• เรื่องสำคัญคือ ขอโทษคนอื่นอย่างเดียวไม่พอ ถ้าเราติเตียนตัวเองมากๆ ก็ต้องหัดขอโทษตัวเองให้เป็น ฝึกกล่าวขอโทษตัวเองเป็นคำพูดออกมาให้ได้ และกล่าวยกโทษให้ตัวเองให้ได้เช่นกัน
• ถ้าเรารู้สึกหงุดหงิด โกรธ หรือคับแค้นใจ และคนทั้งโลกขอโทษเรา หรือให้อภัยเราไม่ได้... เรานั่นแหละจะต้องขอโทษตัวเอง และให้อภัยตัวเองให้ได้ เพื่อให้ภูมิต้านทานโรคดีขึ้นตั้งแต่วันนี้
...
(9). ถูใบหน้า-ตา-จมูก-ปากด้านหลังมือ
• คนเราสัมผัสใบหน้า ตา จมูก และปากวันละ 20-50 ครั้ง
• ฝ่ามือมักจะมีเชื้อโรคมากกว่าหลังมือเสมอ เพราะฉะนั้นไม่ต้องให้หลังมือคนอื่น (สำนวนไทย = ตบหน้า) แต่มอบหลังมือให้ใบหน้าเราเบาๆ แทนฝ่ามือ (ลูบเบาๆ อย่าทำร้ายตัวเอง)
(10). ดูแลความชื้น
• การอยู่ในที่อากาศแห้งมากๆ ซึ่งพบได้ในห้องแอร์ที่ปรับอุณหภูมิเย็นมากเกินไป หรือร่างกายสูญเสียความชื้นมากจากการเปิดพัดลมพุ่งใส่ผิวหนังโดยตรง ทำให้น้ำระเหยจากผิวหนังมากขึ้น อาจทำให้ทางเดินหายใจคนเราระคายเคืองได้ง่าย
• วิธีที่ดีคือ ไม่ปรับแอร์ต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส ไม่เปิดพัดลม หรือปรับทิศทางลมแอร์ให้พุ่งกระทบตัวเราโดยตรง
• ถ้าจมูกแห้งหรือเป็นภูมิแพ้ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล ฯลฯ บ่อย... ควรศึกษาวิธีล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ ซึ่งทำเองได้ที่บ้าน
• อากาศแห้งทำให้ละอองฝอยจากการไอหรือจามลอยอยู่ในอากาศได้นาน (อาจเป็นผลจากการเกิดประจุไฟฟ้าได้ง่าย) การหลีกเลี่ยงห้องแอร์ในช่วงมีโรคระบาดเป็นมาตรการที่ช่วยให้พวกเราปลอดภัยได้
(11). ซื้อเครื่องวัดความชื้น
• ความชื้นในอากาศที่ต่ำกว่า 40% ทำให้ละอองฝอยจากการไอหรือจามลอยในอากาศได้นาน ตรงกันข้ามความชื้นสูงกว่า 60% จะทำให้เชื้อราเติบโตได้ง่าย
• การไม่ตั้งแอร์เย็นเกิน หรือใช้เครื่องปรับความชื้นอาจช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้นได้ ถ้าใช้.. ต้องเปลี่ยนน้ำทุกๆ 2 วัน เพื่อป้องกันเชื้อโรคโตในน้ำ และอย่าลืมทำความสะอาดไส้กรองแอร์เป็นประจำด้วย (ดีที่สุด คือ ทุก 2 สัปดาห์)
(12). อบซาวน่า
• การศึกษาในออสเตรเลียพบว่า การอบซาวน่าสัปดาห์ละครั้งช่วยลดติดหวัดได้ครึ่งหนึ่ง
• ข้อควรระวังคือ การเข้าไปในที่ที่มีคนอยู่มากๆ เพิ่มเสี่ยงติดเชื้อได้เช่นกัน
(13). กินกระเทียม
• การศึกษาทำในฤดูหนาว 12 สัปดาห์พบว่า คนที่กินกระเทียมป่วยน้อยกว่า และหายเร็วกว่าด้วย
(14). ฝึกสมาธิ
• ความเครียดสูงเพิ่มเสี่ยงติดโรคกลุ่มหวัด 2 เท่า... การฝึกสมาธิ มวยจีน โยคะ ไทเกก-ไทชิ รำกระบองชีวจิตอาจช่วยลดความเครียด และเพิ่มภูมิต้านทานโรคได้
(15). ออกกำลัง
• การศึกษาในผู้หญิงสูงอายุพบว่า คนที่ออกแรง-ออกกำลังหนักปานกลาง 45 นาที, 5 ครั้ง/สัปดาห์, 1 ปี เป็นไข้หวัดน้อยกว่าคนไม่ออกกำลัง 3 เท่า
(16). กินโยเกิร์ต
• โยเกิร์ตชนิดไขมันต่ำ-น้ำตาลต่ำช่วยเสริมภูมิต้านทานโรคให้ดีขึ้นได้ คนที่กินโยเกิร์ตวันละถ้วยเป็นหวัดน้อยกว่าคนที่ไม่กิน
(17). แง้มหน้าต่าง
• การแง้มหน้าต่างหรือติดพัดลมดูดอากาศช่วยลดฝุ่นละออง เชื้อรา และกลิ่นสารเคมี รวมทั้งสารก่อมะเร็งในบ้านให้น้อยลงได้ ทำให้ภูมิต้านทานโรคดีขึ้น
• แง้มหน้าต่างแล้ว อย่าลืมระวังโจรหรือขโมยด้วยจึงจะดี
(18). เลือกสถานที่เลี้ยงเด็ก
• ขณะที่ผู้ใหญ่ป่วยเป็นไข้หวัดเฉลี่ย 2 ครั้ง/ปี... เด็กๆ จะป่วยเป็นไข้หวัดเฉลี่ยเกือบ 10 ครั้ง/ปี
• วิธีลดโอกาสติดโรคกลุ่มหวัดทั้งคุณแม่คุณพ่อ และคุณลูก คือ ให้เลือกสถานที่เลี้ยงเด็กที่มีเด็กไม่เกิน 6 คน... ถ้าหาไม่ได้ก็ไม่ต้องตกใจ ให้ใช้ยา "ทำใจ" ไปพลางก่อนได้
(19). ล้างซอกเล็บ
• ล้างซอกเล็บก่อนนอน และฝึกล้างมือ-ล้างเท้าก่อนนอนเป็นประจำ เพื่อให้นอนหลับสบาย
• วิธีล้างซอกเล็บไม่ยาก คือ ล้างมือ-ล้างเท้าก่อน หลังจากนั้นให้ใช้แปรงสีฟันขนอ่อนที่ใช้แล้วกับสบู่เหลว แปรงเบาๆ ที่ซอกเล็บเบาๆ (เรื่องชีวิตนี่... ไม่ต้องทำอะไรรุนแรง)
(20). ใช้แขนปิดปากเวลาไอหรือจาม
• อย่าใช้มือปิดปาก-จมูกเวลาไอ-จาม เนื่องจากจะเสี่ยงติดโรคกลุ่มหวัดชนิดใหม่ ทำให้ป่วยนาน หรืออาการหนักขึ้น
• ให้ใช้ท่อนแขนปิดปาก-จมูกแทน หรือถ้ามีกระดาษทิชชู ให้ใช้ทิชชูปิด เนื่องจากฝ่ามือมีเชื้อโรคมากกว่าท่อนแขน
(21). เมื่อเริ่มป่วย ให้ทำอย่างนี้
• ดื่มน้ำ เครื่องดื่ม หรือกินซุปอุ่นๆ บ่อยๆ ให้ร่างกายได้รับน้ำมากพอ สังเกตสีน้ำปัสสาวะควรมีสีเหลืองจางมากๆ หรือเกือบใสไม่มีสี และปัสสาวะทุก 2 ชั่วโมงตอนกลางวัน ถ้าปัสสาวะห่างกว่านั้นบ่งชี้ว่า อาจจะดื่มน้ำไม่พอ
• กระเทียม ซุป เอไคเนเชีย (สมุนไพรฝรั่ง), หรือลูกอมที่มีสังกะสี (ซิงค์ กลูโคเนต) อาจช่วยให้หายเร็วขึ้น
• อย่านอนทั้งวันโดยไม่ลุกไปไหน เลือดลมจะเดินได้ไม่ดี ให้ลุกขึ้นนั่ง-ยืน-เดินบ้างอย่างน้อยทุกๆ 2-3 ชั่วโมงตอนกลางวัน เพื่อป้องกันโรคแทรก เช่น ไซนัส (โพรงรอบจมูก) อักเสบ ฯลฯ
• การหนุนหัวเตียง (ขาเตียง) ให้สูงกว่าด้านปลายเตียงเล็กน้อย อาจช่วยลดการบวมของเยื่อบุในจมูกได้ ทำให้หายใจโล่งขึ้น คัดจมูกน้อยลง เสี่ยงไซนัสอักเสบหรือหูชั้นกลางอักเสบน้อยลง ฯลฯ ได้ในคนไข้บางคน
(22). อย่าบังคับหมอ
• คนไข้ส่วนหนึ่งชอบบังคับ กดดันหมอให้จ่ายยาปฏิชีวนะ (antibiotic) โดยเฉพาะคนในโรงพยาบาลหลายคน ซึ่งชอบใช้ "ใบสั่งแพทย์" เช่น เขียนชื่อยาหรือบอกชื่อยาให้หมอเขียนตาม ฯลฯ
• คนไข้จำนวนมากคิดว่า ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อโรคกลุ่มหวัด (ไวรัส) ได้ ความจริง คือ นอกจากจะฆ่าไวรัสไม่ได้แล้ว ยังทำให้หมอเครียด ภูมิต้านทานโรคของหมอลดลง เพราะต้องทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ
• การใช้ยาฆ่าเชื้อไข้หวัดใหญ่หรือไวรัสนั้น จำเป็นต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป เนื่องจากยากลุ่มนี้มีอาการข้างเคียงสูง หมอจำเป็นต้องชั่งน้ำหนักว่า ผลดีมากกว่าผลเสียจึงจะให้
...
(23). ซักหรือเปลี่ยนผ้าเช็ดมือทุกวัน
• ผ้าเช็ดมือในบ้านหรือที่ทำงานเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคสำคัญ... ทางที่ดีคือ พกพากระดาษทิชชู ใช้แล้วทิ้ง หรือเปลี่ยนผ้าเช็ดมือทุกวัน

อาหารภาคเหนือ






น้ำพริกอ่อง

เครื่องปรุง


พริกแห้งเม็ดใหญ่แกะเมล็ดออกแช่น้ำ 5 เม็ด
เนื้อหมูติดมันบด 3 ช้อนโต๊ะ
มะเขือส้ม 1 ถ้วย
ผักชีเด็ดเป็นใบ 1 ต้น
หอมแดงซอย 3 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมซอย 5 กลีบ
กระเทียมสับ 3 กลีบ
ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ถั่วเน่าชนิดแผ่นปิ้งไฟให้หอม 1 แผ่น
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว กระถิน ถั่วพู
ผักต้ม เช่น ถั่วฝักยาว มะเขือ ผักบุ้ง หัวปลี ยอดแค ฟักทอง

วิธีทำ

1. โขลกพริกแห้ง ตะไคร้ เกลือเข้าด้วยกันให้ละเอียด ใส่หอมแดง กระเทียมซอยและถั่วเน่า โขลกต่อให้เข้ากัน
ใส่หมูบดโขลกให้เข้ากัน ใส่มะเขือส้มโขลกเบา ๆ ให้เข้ากัน
2. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ตั้งไฟกลาง ใส่กระเทียมสับ เจียวให้หอม ใส่พริกที่โขลกลงผัดให้หอม ลดไฟให้อ่อน ผัดพอแห้งน้ำขลุกขลิก

3. ตักใส่ถ้วย โรยใบผักชี รับประทานกับผักสดและผักต้ม

อาหารภาคเหนือ


ไส้อั่ว


เครื่องปรุง

หมูสันคอ บดละเอียด 1 กิโลกรัม
ไส้หมู (ไส้เล็ก ล้างสะอาด) 1/3 กิโลกรัม

เครื่องแกง พริกแห้ง 5 เม็ด
รากผักชี 2 ช้อนโต๊ะ
ผิวมะกรูด หั่นละเอียด 1 ช้อนชา
ใบมะกรูด หั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ
ตะไคร้ หั่นฝอย 3 ช้อนโต๊ะ
หอมแดง 5 หัว
กระเทียม 2 หัว
กะปิ 2 ช้อนชา
เกลือ 1 ช้อนชา

วิธีทำ

1. โขลกเครื่องแกงทั้งหมดให้ละเอียด
2. ผสมเนื้อหมูที่บดไว้ กับเครื่องแกงให้เข้ากัน ใส่ใบมะกรูดเคล้าให้ทั่ว
3. บรรจุใส่ในไส้ อย่าให้แน่นนัก มัดเป็นท่อนๆ
4. นำไปทอดหรือปิ้งให้สุก

* อาจนำหมูที่ผสมแล้ว ปั้นเป็นก้อนแล้วทอด โดยไม่บรรจุในไส้ก็ได้ *