วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
วิธีการป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 H1N1

วิธีป้องกันหวัด ไข้หวัด และไข้หวัดใหญ่
ผู้ใหญ่มีโอกาสเป็นไข้หวัดเฉลี่ย 2 ครั้ง/ปี ปัญหาของโรคกลุ่มหวัด ไข้หวัด และไข้หวัดใหญ่... ไม่ว่าจะชนิดใด จะทำให้ภูมิต้านทานโรคต่ำลง และเสี่ยงโรคแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม โพรงรอบจมูก(ไซนัส)อักเสบ ฯลฯ
ประเทศใดที่คนในชาติแข็งแรง รู้จักป้องกันโรค จะป่วยน้อยลง มีผลผลิตดีขึ้น แข่งขันกับนานาชาติได้มากขึ้น ประเทศทั่วโลกจึงแข่งขันกัน เพื่อพัฒนาไปสู่ความเป็น 'healthy nation' หรือ "ชาติที่มีสุขภาพดี
นิตยสารรีดเดอร์ส ไดเจสท์ สรรสาระ ( Reader's Digest ) ฉบับกรกฎาคม 2552 ตีพิมพ์เรื่อง "23 วิธีห่างไกลไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่" ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ
(1). ล้างมือวันละ 5 ครั้ง
• ศูนย์วิจัยสุขภาพ กองทัพสหรัฐฯ ทำการศึกษากลุ่มตัวอย่าง 40,000 คนพบว่า คนเหล่านี้ป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจลดลง 45%
• ประเด็นสำคัญ คือ ล้างมือด้วยสบู่ให้ถูกวิธี ล้างก๊อก และไม่สัมผัสลูกบิดประตูหลังล้างมือ โดยการออกแบบห้องน้ำเป็นแบบ "ซิกแซก" บังตาแทนการใช้ประตู (วิธีนี้ช่วยลดปัญหาการเสพยาเสพติดในห้องน้ำได้ด้วย)
(2). ล้างมือหลังออกจากห้องน้ำ
• คนส่วนใหญ่ไม่ได้ล้างมือหลังออกจากห้องน้ำ...
• ห้องน้ำส่วนใหญ่ไม่มีสบู่ให้ใช้ วิธีที่ดีคือ ซื้อสบู่ก้อนเล็กแบบโรงแรม มีขายเป็นกล่องๆ ละ 100 ก้อนในห้างสรรพสินค้า พกติดตัวไปวันละ 2-3 ก้อน (ราคาก้อนละ 1-2 บาทเศษ), พกสบู่เหลวติดตัวเสมอ
• ควรใช้กระดาษทิชชูจับลูกบิดประตูแล้วทิ้งไปแทนการใช้มือจับ เพราะจะทำให้ได้รับเชื้อโรคใหม่ผ่านลูกบิดประตู
(3). ล้างมือ 2 รอบ
• การล้างมือ 2 รอบสะอาดกว่ารอบเดียว ทว่า... อย่าลืมล้างก๊อก และปิดน้ำระหว่างการล้างมือ ซึ่งควรใช้เวลารวมประมาณเท่าเพลง "ช้างๆๆ" ของไทย
(4). ฉีดวัคซีน
• กลุ่มเสี่ยงป่วยหนักเมื่อมีไข้หวัดใหญ่ระบาดได้แก่ คนในโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล คนไข้โรคเรื้อรัง เช่น ถุงลมโป่งพอง หอบหืด เบาหวาน ไตวาย โรคหัวใจ คนท้อง อายุเกิน 65 ปี ฯลฯ ควรปรึกษาหมอใกล้บ้านเรื่องวัคซีน
• วัคซีนไข้หวัดใหญ่ทั่วไปป้องกันไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก, หวัด 2009, หรือไข้หวัดหมู (โรคเดียวกัน แต่มีหลายชื่อ) ไม่ได้, ช่วงเดือนกรกฎาคม 2552 ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาวัคซีนใหม่อยู่
(5). พกเจลแอลกอฮอล์
• โรคกลุ่มนี้ติดต่อทางการไอ-จาม (ในระยะประมาณ 2+ เมตร ในที่คนแออัด อากาศระบายไม่ดี หรือห้องแอร์ทั้งห้อง) ถ้าอยู่นอกห้องแอร์จะปลอดภัยมากกว่า
• ฝรั่งซึ่งชอบทักทายกันด้วยการกอดหรือจูบกันจะเสี่ยงติดโรคได้ง่าย ไหว้กัน-ทักทาย-ยิ้มให้กันแบบคนไทยดีแล้ว
• การพกเจลแอลกอฮอล์เตรียมไว้ถูมือก่อนกินอาหาร ก่อนดื่มน้ำ หลังเข้าห้องน้ำ หลังสัมผัสของที่คนใช้กันมากๆ เช่น รถประจำทาง รถไฟฟ้า รถไฟ ฯลฯ ช่วยได้มาก
• การศึกษาในโรงเรียนประถมฯ ที่มีการใช้เจลแอลกอฮอล์พบว่า การทำความสะอาดมือแบบนี้ลดวันลาป่วยได้เกือบ 20%
(6). ดูแลแปรงสีฟัน
• อาจารย์หมอฟันแนะนำให้เปลี่ยนแปรงสีฟันเมื่อขนแปรงบานออก หรือใช้ครบ 2-3 เดือน
• หลังเป็นหวัด ไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่... ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันใหม่ หรือทำความสะอาดแปรงด้วยการขัดถูด้วยฟองน้ำล้างจาน สะบัดให้แห้งหมาดๆ นำออกไปตากแดด หรือใส่ในน้ำร้อนจัด สะบัดให้แห้งหมาดๆ แล้วนำออกไปผึ่งลม
• ถึงไม่ป่วยอะไร... การนำแปรงสีฟันออกไปตากแดด ผึ่งลม หรือใส่ในถ้วยกาแฟ เติมน้ำ อุ่นให้ร้อนจัดในไมโครเวฟสัปดาห์ละ 1 ครั้งก็ช่วยให้แปรงสะอาดขึ้นได้มาก
(7). เตรียมกระดาษทิชชู
• เตรียมกระดาษทิชชูไว้ทุกห้องทั้งที่บ้านและที่ทำงาน เพื่อให้ทุกคนใช้ปิดปากเวลาไอหรือจาม
(8). ไม่ติเตียนตัวเอง
• คนที่ชอบติเตียนตัวเอง ไม่ให้อภัย ไม่ยกโทษให้ตัวเองมักจะมีความเครียดสูง ภูมิต้านทานต่ำลง ติดโรคกลุ่มหวัดได้ง่าย
• วิธีที่ดีคือ ไม่ว่าจะเครียดอะไร... ให้วางมือซ้ายบนหน้าอก วางมือขวาบนหน้าท้อง หายใจเข้าช้าๆ-ให้ท้องป่องออกเล็กน้อย คิดในใจว่า "ขอให้เรามีความสุข", หายใจออกช้าๆ-ให้ท้องแฟบลงเล็กน้อย คิดในใจว่า "ขอให้เราพ้นทุกข์" 5-10 นาที/ครั้งบ่อยๆ อย่างน้อยวันละ 2 รอบ
• เวลาคิดให้ตัวเรามีสุข... ขอให้เป็นความสุขที่ได้มาโดยชอบธรรม เช่น ไม่ไปคดโกง หรือเอาเปรียบใคร ฯลฯ
• เวลาคิดให้ตัวเราพ้นทุกข์... ขอให้พ้นความทุกข์อะไรก็ได้ที่เรากำลังทุกข์อยู่มากที่สุด เช่น พบคนใจร้าย ฯลฯ แล้วอย่าลืมให้อภัยตัวเอง และเริ่มต้นชีวิตใหม่ทุกวัน
• วิธีลดความรู้สึกผิดอย่างหนึ่ง คือ ฝึกตัวให้เป็นคนกล้ากล่าวคำ "ขอโทษ" บ่อยๆ อย่างน้อยวันละครั้ง แล้วค่อยๆ เพิ่มเป็น 3 ครั้งหลังอาหาร
• คนที่ขอโทษเป็นมีแนวโน้มจะเป็นคนกล้าหาญ และเคารพตัวเองมากกว่าคนที่ขอโทษไม่เป็น การฝึกขอโทษจะสร้างมิตรภาพ และลดศัตรูให้น้อยลงได้
• เรื่องสำคัญคือ ขอโทษคนอื่นอย่างเดียวไม่พอ ถ้าเราติเตียนตัวเองมากๆ ก็ต้องหัดขอโทษตัวเองให้เป็น ฝึกกล่าวขอโทษตัวเองเป็นคำพูดออกมาให้ได้ และกล่าวยกโทษให้ตัวเองให้ได้เช่นกัน
• ถ้าเรารู้สึกหงุดหงิด โกรธ หรือคับแค้นใจ และคนทั้งโลกขอโทษเรา หรือให้อภัยเราไม่ได้... เรานั่นแหละจะต้องขอโทษตัวเอง และให้อภัยตัวเองให้ได้ เพื่อให้ภูมิต้านทานโรคดีขึ้นตั้งแต่วันนี้
...
(9). ถูใบหน้า-ตา-จมูก-ปากด้านหลังมือ
• คนเราสัมผัสใบหน้า ตา จมูก และปากวันละ 20-50 ครั้ง
• ฝ่ามือมักจะมีเชื้อโรคมากกว่าหลังมือเสมอ เพราะฉะนั้นไม่ต้องให้หลังมือคนอื่น (สำนวนไทย = ตบหน้า) แต่มอบหลังมือให้ใบหน้าเราเบาๆ แทนฝ่ามือ (ลูบเบาๆ อย่าทำร้ายตัวเอง)
(10). ดูแลความชื้น
• การอยู่ในที่อากาศแห้งมากๆ ซึ่งพบได้ในห้องแอร์ที่ปรับอุณหภูมิเย็นมากเกินไป หรือร่างกายสูญเสียความชื้นมากจากการเปิดพัดลมพุ่งใส่ผิวหนังโดยตรง ทำให้น้ำระเหยจากผิวหนังมากขึ้น อาจทำให้ทางเดินหายใจคนเราระคายเคืองได้ง่าย
• วิธีที่ดีคือ ไม่ปรับแอร์ต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส ไม่เปิดพัดลม หรือปรับทิศทางลมแอร์ให้พุ่งกระทบตัวเราโดยตรง
• ถ้าจมูกแห้งหรือเป็นภูมิแพ้ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล ฯลฯ บ่อย... ควรศึกษาวิธีล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ ซึ่งทำเองได้ที่บ้าน
• อากาศแห้งทำให้ละอองฝอยจากการไอหรือจามลอยอยู่ในอากาศได้นาน (อาจเป็นผลจากการเกิดประจุไฟฟ้าได้ง่าย) การหลีกเลี่ยงห้องแอร์ในช่วงมีโรคระบาดเป็นมาตรการที่ช่วยให้พวกเราปลอดภัยได้
(11). ซื้อเครื่องวัดความชื้น
• ความชื้นในอากาศที่ต่ำกว่า 40% ทำให้ละอองฝอยจากการไอหรือจามลอยในอากาศได้นาน ตรงกันข้ามความชื้นสูงกว่า 60% จะทำให้เชื้อราเติบโตได้ง่าย
• การไม่ตั้งแอร์เย็นเกิน หรือใช้เครื่องปรับความชื้นอาจช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้นได้ ถ้าใช้.. ต้องเปลี่ยนน้ำทุกๆ 2 วัน เพื่อป้องกันเชื้อโรคโตในน้ำ และอย่าลืมทำความสะอาดไส้กรองแอร์เป็นประจำด้วย (ดีที่สุด คือ ทุก 2 สัปดาห์)
(12). อบซาวน่า
• การศึกษาในออสเตรเลียพบว่า การอบซาวน่าสัปดาห์ละครั้งช่วยลดติดหวัดได้ครึ่งหนึ่ง
• ข้อควรระวังคือ การเข้าไปในที่ที่มีคนอยู่มากๆ เพิ่มเสี่ยงติดเชื้อได้เช่นกัน
(13). กินกระเทียม
• การศึกษาทำในฤดูหนาว 12 สัปดาห์พบว่า คนที่กินกระเทียมป่วยน้อยกว่า และหายเร็วกว่าด้วย
(14). ฝึกสมาธิ
• ความเครียดสูงเพิ่มเสี่ยงติดโรคกลุ่มหวัด 2 เท่า... การฝึกสมาธิ มวยจีน โยคะ ไทเกก-ไทชิ รำกระบองชีวจิตอาจช่วยลดความเครียด และเพิ่มภูมิต้านทานโรคได้
(15). ออกกำลัง
• การศึกษาในผู้หญิงสูงอายุพบว่า คนที่ออกแรง-ออกกำลังหนักปานกลาง 45 นาที, 5 ครั้ง/สัปดาห์, 1 ปี เป็นไข้หวัดน้อยกว่าคนไม่ออกกำลัง 3 เท่า
(16). กินโยเกิร์ต
• โยเกิร์ตชนิดไขมันต่ำ-น้ำตาลต่ำช่วยเสริมภูมิต้านทานโรคให้ดีขึ้นได้ คนที่กินโยเกิร์ตวันละถ้วยเป็นหวัดน้อยกว่าคนที่ไม่กิน
(17). แง้มหน้าต่าง
• การแง้มหน้าต่างหรือติดพัดลมดูดอากาศช่วยลดฝุ่นละออง เชื้อรา และกลิ่นสารเคมี รวมทั้งสารก่อมะเร็งในบ้านให้น้อยลงได้ ทำให้ภูมิต้านทานโรคดีขึ้น
• แง้มหน้าต่างแล้ว อย่าลืมระวังโจรหรือขโมยด้วยจึงจะดี
(18). เลือกสถานที่เลี้ยงเด็ก
• ขณะที่ผู้ใหญ่ป่วยเป็นไข้หวัดเฉลี่ย 2 ครั้ง/ปี... เด็กๆ จะป่วยเป็นไข้หวัดเฉลี่ยเกือบ 10 ครั้ง/ปี
• วิธีลดโอกาสติดโรคกลุ่มหวัดทั้งคุณแม่คุณพ่อ และคุณลูก คือ ให้เลือกสถานที่เลี้ยงเด็กที่มีเด็กไม่เกิน 6 คน... ถ้าหาไม่ได้ก็ไม่ต้องตกใจ ให้ใช้ยา "ทำใจ" ไปพลางก่อนได้
(19). ล้างซอกเล็บ
• ล้างซอกเล็บก่อนนอน และฝึกล้างมือ-ล้างเท้าก่อนนอนเป็นประจำ เพื่อให้นอนหลับสบาย
• วิธีล้างซอกเล็บไม่ยาก คือ ล้างมือ-ล้างเท้าก่อน หลังจากนั้นให้ใช้แปรงสีฟันขนอ่อนที่ใช้แล้วกับสบู่เหลว แปรงเบาๆ ที่ซอกเล็บเบาๆ (เรื่องชีวิตนี่... ไม่ต้องทำอะไรรุนแรง)
(20). ใช้แขนปิดปากเวลาไอหรือจาม
• อย่าใช้มือปิดปาก-จมูกเวลาไอ-จาม เนื่องจากจะเสี่ยงติดโรคกลุ่มหวัดชนิดใหม่ ทำให้ป่วยนาน หรืออาการหนักขึ้น
• ให้ใช้ท่อนแขนปิดปาก-จมูกแทน หรือถ้ามีกระดาษทิชชู ให้ใช้ทิชชูปิด เนื่องจากฝ่ามือมีเชื้อโรคมากกว่าท่อนแขน
(21). เมื่อเริ่มป่วย ให้ทำอย่างนี้
• ดื่มน้ำ เครื่องดื่ม หรือกินซุปอุ่นๆ บ่อยๆ ให้ร่างกายได้รับน้ำมากพอ สังเกตสีน้ำปัสสาวะควรมีสีเหลืองจางมากๆ หรือเกือบใสไม่มีสี และปัสสาวะทุก 2 ชั่วโมงตอนกลางวัน ถ้าปัสสาวะห่างกว่านั้นบ่งชี้ว่า อาจจะดื่มน้ำไม่พอ
• กระเทียม ซุป เอไคเนเชีย (สมุนไพรฝรั่ง), หรือลูกอมที่มีสังกะสี (ซิงค์ กลูโคเนต) อาจช่วยให้หายเร็วขึ้น
• อย่านอนทั้งวันโดยไม่ลุกไปไหน เลือดลมจะเดินได้ไม่ดี ให้ลุกขึ้นนั่ง-ยืน-เดินบ้างอย่างน้อยทุกๆ 2-3 ชั่วโมงตอนกลางวัน เพื่อป้องกันโรคแทรก เช่น ไซนัส (โพรงรอบจมูก) อักเสบ ฯลฯ
• การหนุนหัวเตียง (ขาเตียง) ให้สูงกว่าด้านปลายเตียงเล็กน้อย อาจช่วยลดการบวมของเยื่อบุในจมูกได้ ทำให้หายใจโล่งขึ้น คัดจมูกน้อยลง เสี่ยงไซนัสอักเสบหรือหูชั้นกลางอักเสบน้อยลง ฯลฯ ได้ในคนไข้บางคน
(22). อย่าบังคับหมอ
• คนไข้ส่วนหนึ่งชอบบังคับ กดดันหมอให้จ่ายยาปฏิชีวนะ (antibiotic) โดยเฉพาะคนในโรงพยาบาลหลายคน ซึ่งชอบใช้ "ใบสั่งแพทย์" เช่น เขียนชื่อยาหรือบอกชื่อยาให้หมอเขียนตาม ฯลฯ
• คนไข้จำนวนมากคิดว่า ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อโรคกลุ่มหวัด (ไวรัส) ได้ ความจริง คือ นอกจากจะฆ่าไวรัสไม่ได้แล้ว ยังทำให้หมอเครียด ภูมิต้านทานโรคของหมอลดลง เพราะต้องทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ
• การใช้ยาฆ่าเชื้อไข้หวัดใหญ่หรือไวรัสนั้น จำเป็นต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป เนื่องจากยากลุ่มนี้มีอาการข้างเคียงสูง หมอจำเป็นต้องชั่งน้ำหนักว่า ผลดีมากกว่าผลเสียจึงจะให้
...
(23). ซักหรือเปลี่ยนผ้าเช็ดมือทุกวัน
• ผ้าเช็ดมือในบ้านหรือที่ทำงานเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคสำคัญ... ทางที่ดีคือ พกพากระดาษทิชชู ใช้แล้วทิ้ง หรือเปลี่ยนผ้าเช็ดมือทุกวัน
อาหารภาคเหนือ

น้ำพริกอ่อง
เครื่องปรุง
พริกแห้งเม็ดใหญ่แกะเมล็ดออกแช่น้ำ 5 เม็ด
เนื้อหมูติดมันบด 3 ช้อนโต๊ะ
มะเขือส้ม 1 ถ้วย
ผักชีเด็ดเป็นใบ 1 ต้น
หอมแดงซอย 3 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมซอย 5 กลีบ
กระเทียมสับ 3 กลีบ
ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ถั่วเน่าชนิดแผ่นปิ้งไฟให้หอม 1 แผ่น
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว กระถิน ถั่วพู
ผักต้ม เช่น ถั่วฝักยาว มะเขือ ผักบุ้ง หัวปลี ยอดแค ฟักทอง
วิธีทำ
1. โขลกพริกแห้ง ตะไคร้ เกลือเข้าด้วยกันให้ละเอียด ใส่หอมแดง กระเทียมซอยและถั่วเน่า โขลกต่อให้เข้ากัน
ใส่หมูบดโขลกให้เข้ากัน ใส่มะเขือส้มโขลกเบา ๆ ให้เข้ากัน
2. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ตั้งไฟกลาง ใส่กระเทียมสับ เจียวให้หอม ใส่พริกที่โขลกลงผัดให้หอม ลดไฟให้อ่อน ผัดพอแห้งน้ำขลุกขลิก
3. ตักใส่ถ้วย โรยใบผักชี รับประทานกับผักสดและผักต้ม
อาหารภาคเหนือ

ไส้อั่ว
เครื่องปรุง
หมูสันคอ บดละเอียด 1 กิโลกรัม
ไส้หมู (ไส้เล็ก ล้างสะอาด) 1/3 กิโลกรัม
เครื่องแกง พริกแห้ง 5 เม็ด
รากผักชี 2 ช้อนโต๊ะ
ผิวมะกรูด หั่นละเอียด 1 ช้อนชา
ใบมะกรูด หั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ
ตะไคร้ หั่นฝอย 3 ช้อนโต๊ะ
หอมแดง 5 หัว
กระเทียม 2 หัว
กะปิ 2 ช้อนชา
เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1. โขลกเครื่องแกงทั้งหมดให้ละเอียด
2. ผสมเนื้อหมูที่บดไว้ กับเครื่องแกงให้เข้ากัน ใส่ใบมะกรูดเคล้าให้ทั่ว
3. บรรจุใส่ในไส้ อย่าให้แน่นนัก มัดเป็นท่อนๆ
4. นำไปทอดหรือปิ้งให้สุก
* อาจนำหมูที่ผสมแล้ว ปั้นเป็นก้อนแล้วทอด โดยไม่บรรจุในไส้ก็ได้ *
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)



